วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

อะไร อะไร ก็กล้วยไปหมด

 

World’s Biggest Banana Collection Saved by a Donation

Back in January, when “Top Banana” Ken Bannister was forced to split (get it?) with his giant banana collection, out of the place that served as headquarters of the Banana Club and Museum, since 1972, things looked grim for banana lovers, everywhere.

But thanks to a substantial donation, of approximately $50,000, the Banana Museum will live on. When Banana Club founder, Ken Bannister, posted an ad on eBay, announcing he was wiling to part with his extensive collection, fellow fruit lover Fred Garbutt decided to become the new curator of the Banana Museum

Garbutt’s donation bought him a 17,000 item banana collection, including a banana golf club, banana drinks, and even a Michael Jackson banana. He has big plans for his purchase, which include buying a BMW and painting it yellow, selling banana-leaf wallpaper and making banana clothes, for kids. A real banana man, as Ken Bannister, himself said.

It can’t be easy for “Top Banana” Ken Bannister to leave his 38-year-long work, in the hands of someone else, but it’s better than letting it go to waste, that’s for sure.


การ์ตูน กล้วยๆๆ





เพลงกล้วย กล้วย

ครจะเชื่อล่ะว่า กล้วยนั้นสามารถนำมาเป็นเพลงได้ตั้งมากมาย เดี๋ยวเรามาลองฟังเพลงจากกล้วยกันดูนะค่ะ





 


 


 


 

กล้วย สูตรลดน้ำหนักสุดฮิต ของหนุ่มสาวแดนซากุระ

ใครจะเชื่อว่า การรับประทานกล้วยหอม กลายเป็น
สูตรลดน้ำหนักสุดฮิต ที่สาวหนุ่มแดนซากุระแห่ทำตาม
จนแทบแย่งชิงกันเพื่อให้ได้กล้วยหอมมาครอบครอง หวังลดน้ำหนักได้เพรียวกันถ้วนหน้า 
    
     สูตรลดน้ำหนัก  ที่ตกเป็นข่าวโจษขานเมื่อไม่นานมานี้ แนะนำให้ กินกล้วยหอม 1-2 ผล พร้อมกับน้ำในอุณหภูมิห้องในมื้อเช้า ส่วนมื้อกลางวันและเย็นสามารถกินได้ตามปกติ อาจจะเพิ่มอาหารว่างตอนบ่ายสาม สิ่งสำคัญคือ งดของหวานและเข้านอนก่อนเที่ยงคืน


    
“ในทางโภชนาการแล้ว สูตรดังกล่าวสามารถลดน้ำหนักได้จริง หากเป็นคนที่ไม่ทานอาหารเช้าเลย หรือทานอาหารเช้าที่หนักเกินไป” แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อธิบายความเป็นไปได้


    
กล้วย หอม 1 ลูก น้ำหนักประมาณ 100 กรัม (ไม่รวมเปลือก) จะให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี ในกรณีที่กินข้าวเช้าตามปกติ เช่น ข้าวมันไก่ 1 จาน ที่ให้พลังงาน 500 กิโลแคลอรี หากเปลี่ยนมากินกล้วยหอมเป็นมื้อเช้า ก็จะได้แคลอรีน้อยลง ในขณะเดียวกัน หากว่ากันตามสูตรก็จะให้กินพร้อมกับน้ำ ทำให้อิ่มเร็วขึ้น

    
สำหรับ คนที่ไม่เคยกินข้าวเช้า นักโภชนาการบอกว่า สูตรนี้ช่วยได้อย่างมาก เนื่องจากจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ให้ได้รับอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่จำเป็นต่อร่างกายและสมอง


    
“ใน สังคมปัจจุบัน คนเร่งรีบจนไม่กินอาหารเช้าหรือดื่มเพียงกาแฟ 1 แก้ว ซึ่งส่งผลต่อระบบการเผาผลาญในร่างกาย กล้วยหอมจะถือเป็นอาหารมื้อเช้า ที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

    
    
ใน  ”กล้วย”  นอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์ ยังมีน้ำตาลทั้งกลูโคส, ฟลุกโตส และซูโคส ที่ช่วยเพิ่มพลังกายและสมอง ให้สามารถนำไปใช้ได้เลย ทำให้นักโภชนาการมองว่า สูตรลดน้ำหนักด้วยกล้วยนี้ จะเป็นที่นิยมนานกว่าสูตรอื่น เนื่องจากเป็นสูตรที่ง่าย ราคาไม่แพง แถมยังอร่อย ทำให้คนไม่ฝืนใจกิน ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้กับกล้วยประเภทอื่น ได้ไม่ว่าจะเป็นกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่


     นอก จากรับประทานกล้วยแล้ว ข้อห้ามเกี่ยวกับของหวานและการนอน ก็เป็นปัจจัยเสริมที่ดี น.ส.แววตาชี้ว่า ของหวานเป็นอุปสรรคสำคัญในการลดน้ำหนัก ขณะที่การจัดเวลาของว่างช่วงบ่ายสามโมงก็ถือว่าดี จากเดิมที่คนไทยกินของว่างไม่เป็นเวลา ก็จะช่วยให้นาฬิการ่างกายเรียนรู้ และปรับระบบเผาผลาญในช่วงเวลานั้น ส่วนการนอนก่อนเที่ยงคืน ก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบเผาผลาญได้อีกทางหนึ่ง

    
อย่าง ไรก็ดี นักโภชนาการแนะนำว่า สูตรนี้เหมาะกับคนที่ไม่รับประทานอาหารเช้า หรือรับประทานอาหารเช้าที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ผู้ที่ไม่ควรลิ้มลองคือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคไต เนื่องจากกล้วยมีน้ำตาลและโปแตสเซียมสูง ในขณะที่ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอยู่แล้วก็ไม่จำเป็น อาทิเช่น คอร์นเฟลกกับนม, ข้าวกับแกงจืดตำลึง หรือ ข้าวกับไก่ผัดขิง เป็นต้น

    
ใน ขณะเดียวกัน สูตรลดน้ำหนักนี้ก็ไม่เหมาะกับเด็กวัยเรียน เนื่องจากเด็กวัยนี้ต้องการโปรตีนในช่วงเช้าเพื่อเป็นแหล่งพลังงานระหว่าง วัน โดยนักโภชนาการแนะว่า หากต้องการลดน้ำหนัก อาจจะปรับสูตร เช่น กล้วยกับหมูปิ้ง กล้วยกับไข่ต้ม หรือกล้วยกับชีสแบบไขมันต่ำ

    
นัก โภชนาการยังบอกด้วยว่า ไม่เฉพาะแต่กล้วยที่สามารถนำไปใช้เป็นสูตรลดน้ำหนักได้ ผลไม้อื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยดูจากผลไม้ที่ไม่หวานมาก ไม่หนักแป้ง และกินได้ง่าย เช่น แอ๊ปเปิ้ล แคนตาลูป หรือแตงโม เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ก็ควรหลีกเลี่ยงทุเรียน, ขนุน ที่หวานจัดหรือผลไม้ที่เป็นกรดเช่น สับปะรด


    
สิ่ง สำคัญที่ต้องย้ำ เตือนทุกคนคือ กล้วย 1 ใบ ไม่ใช่อาหารมหัศจรรย์ที่จะทำให้คนเราผอม สวย สุขภาพดี เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ แต่กล้วยจะเป็นจุดเริ่มต้น ให้คนหันมารับประทานอาหารเช้าซึ่งเป็นมื้อสำคัญ และเพิ่มสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ในมื้ออื่นของวัน และต้องออกกำลังกายให้สมดุลกับอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวัน เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีต่อไป”  น.ส.แววตา นักโภชนาการกล่าวทิ้งท้าย

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เมนู กล้วย กล้วย....พร้อมด้วย วิธีทำ

 

 






 


 


สถานการณ์ผลิตและการตลาดกล้วย


1. สถานการณ์ผลิต กล้วยน้ำว้ามีการปลูกกันทั่วไปทั้งแถบหลังบ้านและเชิงการค้า ปี 2538 มีพื้นที่ปลูก 732,000 ไร่ ผลผลิต 1,185,000 ตัน แหล่งปลูกได้แก่ เลย นครพนม หนองคาย ชุมพร ระนอง และนครราชสีมา
  กล้วยหอม ส่วนใหญ่มีการปลูกเชิงการค้าแหล่งปลูกได้แก่ ชุมพร ระนอง สงขลา นราธิวาส และกรุงเทพมหานคร ปี 2538 มีพื้นที่ปลูก 53,560 ไร่ ผลผลิต 90,439 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 2,391 กิโลกรัม/ไร่
 กล้วยไข่ เป็นกล้วยที่ปลูกเชิงการค้าเป็นส่วนใหญ่ แหล่งปลูกสำคัญ จังหวัดกำแพงเพชร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ชลบุรี ตรัง นครศรีธรรมราช ปี 2538 มีพื้นที่ปลูก 93,000 ไร่ ผลผลิต 150,000 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 2,140 กิโลกรัม/ไร่

2. สถานการณ์ตลาด การตลาดกล้วยส่วนใหญ่ปลูกเพื่อส่งขายตลาดภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก กล้วยเล็บมือนาง กล้วยหอม และกล้วยไข่
  2.1 กล้วยน้ำว้า
 ตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดกล้วยสดเพื่อการบริโภคได้แก่ ตลาดท้องถิ่น ตลาดประจำจังหวัด และตลาดกลางกรุงเทพฯ ได้แก่ ตลาด อตก. ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ฯลฯ ราคาที่เกษตรกรขายได้ในปี 2537 กิโลกรัมละ 3.22 บาท
 นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้ายังสามารถส่งโรงงานแปรรูปต่าง ๆ เช่น โรงงานทำกล้วยตาก กล้วยกวน กล้วยทอด กล้วยฉาบ
สำหรับการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศส่วนใหญ่อยู่ในรูปผลิตภัณฑ์แปรรูป กล้วยกระป๋องในน้ำเชื่อม กล้วยบวชชี กล้วยผสมกับผลไม้อื่น (ฟรุ๊ทสลัด)
 2.2 กล้วยหอมทอง ตลาดภายในส่วนใหญ่เป็นกล้วยสดเพื่อการบริโภคผลสุก ตลาดนอกเป็นตลาดท้องถิ่น ตลาดประจำจังหวัด ตลาดกลาง ได้แก่ ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ปากคลองตลาด ฯลฯ ราคาที่เกษตรกรขายได้ ปี 2537 กิโลกรัมละ 9.30 บาท
  ส่วนตลาดส่งออก ปัจจุบันมีการผลิตกล้วยส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ของสหกรณ์การเกษตรท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และที่สหกรณ์การเกษตรละแม จังหวัดชุมพร ปริมาณที่ได้ส่งออกปี 2539 จำนวน 878 ตัน มูลค่า 18.5 ล้านบาท
2.3 กล้วยไข่ ตลาดภายในประเทศ ได้แก่ ตลาดท้องถิ่น เช่น ตลาดรับของกิโลเมตร 8 ถนนสายกำแพงเพชร จังหวัดพิจิตร ตลาดปาอ่าว ริมถนนสายเอเซียระหว่างนครสวรรค์-กำแพงเพชร ตลาดประจำจังหวัด และตลาดกลางกรุงเทพฯ ได้แก่ ปากคลองตลาด ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท เป็นต้น ราคาที่เกษตรกรขายได้ ในปี 2538 กิโลกรัมละ 4.27 บาท ตลาดส่งออก ได้แก่ ตลาดฮ่องกง ตลาดญี่ปุ่น ตลาดไต้หวัน ปริมาณที่ส่งออกปี 2540 จำนวน 1,300 ตัน มูลค่า 8.32 ล้านบาท

 สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
 กล้วยเป็นไม้ผลล้มลุกที่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพภูมิอากาศแบบร้อน ชื้น โดยเฉพาะในสภาพที่อากาศคงที่ จะทำให้กล้วยเจริญเติบโตและให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ช่วงอากาศแห้งแล้งที่ยาวนาน หรือช่วงอากาศหนาวเย็น 2-3 เดือน มีผลต่อการชะงักการเจริญเติบโตของกล้วยได้ และทำให้ผลผลิตกล้วยต่ำลง

ดิน ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกกล้วย ควรเป็นดินที่มีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 4.5-7 ที่เหมาะสมที่สุดคือ (pH) = 6 เป็นดินร่วนซุยมีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำดี ความชื้น พื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกกล้วย ควรมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยระหว่าง 50-100 นิ้ว/ปี จำนวนวันที่ฝนตกควรยาวนาน หากมีฝนตกในช่วงสั้น การปลูกกล้วยจะต้องให้น้ำชบประทานช่วยเพิ่มรักษาความชุ่มชื้นของดินเพิ่ม ขึ้น แต่ในพื้นที่มีฝนตกชุกควรทำการระบายน้ำให้แก่กล้วย 

ลม พื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกกล้วย ไม่ควรเป็นแหล่งที่มีลมแรงตลอดปี นอกจากจะทำให้ใบกล้วยฉีกขาดแล้ว อาจจะมีผลทำให้กล้วยหักกลางต้น (หักคอ) หรือโค่นล้มได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กล้วยออกเครือแล้ว

  พันธุ์กล้วยที่ปลูกเป็นการค้า
 1. กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศไทยสามารถทนทาน สภาพดินฟ้าอากาศได้ดีกว่ากล้วยพันธุ์อื่น ๆ การดูแลรักษาง่าย การใช้ประโยชน์จากผล ต้น ใบ ดอก มากกว่ากล้วยชนิดอื่น ๆ ลำต้นสูงปานกลาง เมื่อสุก มีรสชาดหวาน เนื้อแน่น สีเหลืองอ่อน กล้วยน้ำว้าสามารถจำแนกเป็นพันธุ์ต่าง ๆ ดังนี้
                1.1 กล้วยน้ำว้าแดง สีเนื้อของผลมีไส้กลางสีแดง
                1.2 กล้วยน้ำว้าขาว สีเนื้อของผลมีไส้กลางสีเหลือง
                1.3 กล้วยน้ำว้าเหลือง สีเนื้อของผลมีไส้กลางสีเหลือง
                1.4 กล้วยน้ำว้าค่อม เป็นกล้วยที่ลำต้นเตี้ยหรือแคระ

2. กล้วยหอมทอง เป็นกล้วยที่มีลักษณะลำต้นใหญ่ แข็งแรง กาบใบชั้นในมีสีเขียวหรือชมพูอ่อน เครือได้รูปทรงมาตรฐาน มีน้ำหนักมาก ผลยาวเรียว ปลายผลคอดเป็นแบบคอขวด เปลือกหนา ผลสุกผิวมีสีเหลืองทอง เนื้อมีรสชาดหอมหวาน โดยเฉลี่ยเครือหนึ่ง ๆ จะมีประมาณ 6 หวี เป็นพันธุ์ที่ไม่ต้านทานโรคตายพราย และโรคใบจุด

3. กล้วยหอมเขียว เป็นกล้วยที่มีลักษณะทั่ว ๆ ไป คล้ายกล้วยหอมทอง แต่กล้วยหอมเขียวกาบใบชั้นในมีสีแดงสด ปลายผลมน ผลสุกมีสีเหลืองอมเขียว เปลือกหนา เป็นที่นิยมของผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ กล้วยหอมเขียวยังต้านทานโรคตายพรายได้ดี แต่อ่อนแอต่อโรคใบจุด 

4. กล้วยหอมค่อม เป็นกล้วยหอมอีกชนิดหนึ่งลำต้นเตี้ย หรือแคระ ผลมีลักษณะคล้ายกล้วยหอมเขียว เนื้อรสชาดดี จึงมีชื่อว่า กล้วยหอมเขียวเตี้ยอีกด้วย 

5. กล้วยไข่ เป็นกล้วยที่มีลำต้นสูงบาง สีใบและก้านใบสีเหลืองอ่อน ไม่มีนวล กาบใบมีสีน้ำตาลหรือสีช็อคโกแลต เครือเล็ก ผลมีขนาดเล็ก เปลือกบาง เมื่อสุกมีสีเหลืองเข้ม เนื้อแน่ สีเหลืองรสหวาน เจริญเติบโตได้ดีในที่ร่ม ต้านทานโรคตายพราย แต่อ่อนแอต่อโรคใบจุด

6. กล้วยหักมุข เป็นกล้วยที่มีลำต้นขนาดปานกลาง ลำต้นมีสีเขียวนวล ผลโต เป็นเหลี่ยม สีเขียวนวล ปลายผลเรียว ผลเมื่อสุกสีเหลืองนวล เปลือกหนามีรอยแตกลายงาเนื้อฟู สีเหลืองเข้มเหมาะสำหรับนำมาทำกล้วยปิ้ง กล้วยเชื่อม

7. กล้วยเล็บมือนาง
เป็นกล้วยที่มีลำต้นค่อนข้างเล็กไม่สูงมากนัก ผลขนาดเล็ก ปลายผลเรียวแหลม ผลสุกมีสีเหลืองเข้ม เนื้อแน่น รสชาดหอมหวาน ใช้สำหรับรับประทานสุก หรือทำเป็นกล้วยตา เป็นพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าทางภาคใต้ของประเทศไทย จังหวัดที่ปลูกเป็นการค้ามากคือ จังหวัดชุมพร

ฤดูกาลปลูกกล้วย
 การปลูกกล้วยให้ได้ผลดี ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งดินมีความชุ่มชื้นในช่วงฤดูฝนเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตทางลำต้นและออก ปลี จนสามารถเก็บเกี่ยวกล้วยได้ในช่วงปลายฤดูฝนพอดี แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการปลูกกล้วยในเขตชลประทานที่มีน้ำเพียงพอ สามารถดำเนินการได้ตลอดเวลา

กล้วยที่กำหนดเวลาปลูกให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของตลาดผู้บริโภค ได้แก่
 
 1. กล้วยไข่ ควรได้ผลผลิตที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงสารทไทย ไหว้พระจันทร์ ชาวสวนส่วนใหญ่จะเริ่มปลูกในราวเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บเกี่ยวกล้วยได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 

2. กล้วยหอม การปลูกกล้วยเป็นการค้าสำหรับตลาดภายในประเทศก็เช่นเดียวกันกับกล้วยไข่ เกษตรกรคาดหวังว่าจะเก็บเกี่ยวกล้วยขายในช่วงสารทไทย ไหว้พระจันทร์ และกินเจ ซึ่งจะทำให้ราคากล้วยสูงกว่าช่วงปกติ แต่สำหรับการผลิตกล้วยหอมเพื่อการส่งออกนั้น ส่วนใหญ่จะทำการผลิตในลักษณะรวมกลุ่มใหญ่ เพื่อผลิตกล้วยส่งให้ตลาดผู้ส่งออกอย่างต่อเนื่อง เช่น การผลิตกล้วยหอมทองของสหกรณ์การเกษตรท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น ซึ่งการผลิตจะต้องมีการวางแผนการผลิตให้สามารถเก็บเกี่ยวตามที่ตลาดส่งออก ต้องการ

เรื่องกล้วยที่เราควรรู้


"กล้วย"ผลไม้พื้นบ้านที่รับประทานง่าย แต่คุณค่าทางอาหารที่ได้มีไม่ได้น้อยเลยล่ะค่ะ อีกทั้งสามารถนำมาทำอาหาร ได้เกือบทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นลูก ดอก หยวกกินได้หมด และคนไทยเราก็ขึ้นชื่อว่า สามารถพลิกแพลงนำเอา กล้วยมาประกอบอาหารได้หลากเมนู ทั้งคาวและหวาน แถมยังมีให้เลือกานกันหลายพันธุ์ทั้ง กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ เป็นต้น
 
            กล้วยอุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และ กลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใด จากงานวิจัยพบว่ากินกล้วยแค่ 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้อย่างเพียงพอ กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ได้นานถึง 90 นาที

ประโยชน์ก็กล้วยไม่ใช่ เพียงแค่เพิ่มพลังงานเท่านั้น ยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรคเลยค่ะ ส่วนจะช่วยป้องกันโรคใดได้บ้างนั้นราไปหาข้อมูลมาให้แล้ว ดังนี้

1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง

2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ของอเมริกา ยินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถ โฆษณาได้ว่า กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้น เลือดฝอยแตก

3. กำลังสมอง นักเรียน 200 คน ที่โรงเรียน Twickenham ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปีนี้ ด้วยการรับประทานกล้วย ในมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วย สามารถให้นักเรียนมีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น

4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ ปัญหาโรคท้องผูกโดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย

 5. โรคความซึมเศร้า จากการสำรวจ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคนจะมี ความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า Try Potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะ ถูกเปลี่ยนป็น ฆerotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวผ่อนคลายปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง

6. อาการเมาค้าง วิธีที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้ กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไปในขณะที่ นมก็ช่วย ปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา

7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าปัญหาเกี่ยวกับอาการเสียด ท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้

8. ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า

9. ยุงกัด ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด มีหลายคนพบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้

10.ระบบระสาท วิธีควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยการกินอาหารว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูงอย่างทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วยสารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได

11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุม เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย

12. การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้ อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทกรกที่เกิดมา จะมีอุณหภูมิเย็น

13. ความสับสนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และความสับสนได้ เพราะในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ Try Potophan ทำให้อารมณ์ดี

14. การสูบบุรี่ กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินซี เอ บี6 และบี 12 ที่สูงมาก และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นคืนตัวได้เร็วอันเป็นผล จากการลดเลิกนิโคตินนั่นเอง

15. ความเครียด โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ การส่งออกซิเจน ไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์เครียด อัตรา metabolic ในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียมในร่างกายของเราลดลง แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิด ความสมดุล

16. เส้นเลือดฝอยแตก จากการวิจัยที่ลงในวารสาร "The New England Journal of Medicine" การกิน กล้วยเป็นประจำสามารถลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40%

17. โรคหูด การรักษาหูดด้วยวิธีทางเลือกแบบธรรมชาติ โดยการใช้เปลือกของกล้วยวางปิดลงไปบนหูด แล้วใช้แผ่นปิดแผลหรือเทปติดไว้ให้ด้านสีเหลืองของเปลือกกล้วยออกด้านนอก ก็จะสามารถรักษาโรคหูดให้หายได้
เห็นไหมคะว่ากล้วยนั้นเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์จริงๆ นอกจากจะกินง่ายและอร่อยแล้ว ยังช่วยรักษาโรคต่างๆ อย่างธรรมชาติได้มากมาย ดังนั้นควรจะรับประทานกล้วยกันทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ผล เพียงเท่านี้การเป็นคนมีสุขภาพดีก็กลายเป็นเรื่องกล้วยๆ ค่ะ